ประเภท



http://www.youtube.com/watch?v=VkTsTwBKLY0

หลักสูตรอาจจำแนกได้หลายประเภท โดยอาศัยเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ตามที่  ดุษฎี (2437) ได้กล่าวถึง ลักษณะของหลักสูตรไว้ ดังนี้
                1. กลุ่มที่จำแนกตามหมวดหมู่เนื้อหาสาระ  กลุ่มนี้แยกหลักสูตรออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
                                1.1 หลักสูตรรายวิชา (discrete – discipline curriculum ,subject matter ,curriculum ,separate – suvject curriculum) หลักสูตรประเภทนี้จัดประสบการณ์ส่วนใหญ่เรียงลำดับความยากง่ายเป็นรายวิชาย่อย ๆ แยกต่างหากจากกัน
                                1.2 หลักสูตรสัมพันธ์วิชา (correlate curriculum) หลักสูตรประเภทนี้ จัดประสบการณ์เป็นกลุ่มเล็ก ๆ โดยจัดรายวิชาย่อยที่มีความสัมพันธ์กันเข้าไว้ด้วยกัน แต่ยังคงความเป็นรายวิชาย่อยอยู่
                                1.3 หลักสูตรหมวดวิชา (broad – fields curriculum ,fused curriculum) หลักสูตรประเภทนี้คล้ายกับหลักสูตรสัมพันธ์วิชา แต่จัดรายวิชาที่คิดว่าเป็นจำพวกเดียวกันเข้าไว้ด้วยดันเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น
                                1.4 หลักสูตรแกน (core curriculum) หลักสูตรประเภทนี้ยกสาระจำนวนหนึ่งในหลักสูตรนั้นขึ้นเป็นแกนในขณะที่สาระอื่นเป็นส่วนประกอบ
                                1.5 หลักสูตรบูรณาการ (integrated curriculum) หลักสูตรประเภทนี้รวมประสบการณ์ทุกสาระวิชามาสัมพันธ์กันจนไม่ปรากฏเด่นชัดว่าเป็นวิชาใด จัดเป็นประสบการณ์ต่อเนื่อง หลักสูตรเช่นนี้อาจอาศัยประเด็นหรือปัญหาบางอย่างเป็นแกน แล้วหลอมทุกสาระวิชาที่เกี่ยวข้องเข้าไว้ด้วยกัน
                การจัดหมวดหมู่เนื้อหาสาระในหลักสูตรเช่นนี้ คลี่คลายตามมวลความรู้ที่มนุษย์มีอยู่ในช่วงที่มวลความรู้น้อย  การจัดประสบการณ์เป็นรายวิชาย่อยๆ ช่วยให้มนุษย์ได้เรียนรู้อย่างละเอียด ครั้นวิชาต่าง ๆ สะสมมวลความรู้และแยกวิชาออกไปมาก ซึ่งเท่ากับแยกมวลความรู้ในชีวิตมนุษย์ให้ลึกลงไปในแต่ละส่วนเสี้ยว ดังนั้น ในระยะเวลาอันจำกัดของหลังสูตรหนึ่ง ๆ จึงหลอมวิชาย่อย ๆ ให้เป็นกลุ่ม เป็นหมวด เป็นหน่วย ทั้งนี้เพื่อสำเร็จประโยชน์ตามความมุ่งหมายของหลักสูตร คือ มนุษย์ได้รับประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตทุกส่วน
                2. กลุ่มที่จำแนกตามบทบาทของผู้สอนและผู้เรียน  กลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนการสอนแทนที่จะพิจารณาการจัดเนื้อหาสาระดังการจำแนกในกลุ่มที่ 1 การจำแนกตามเกณฑ์นี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
                                2.1 หลักสูตรที่เน้นสาระวิชา (subject – centered curriculum) หลักสูตรประเภทนี้เน้นบทบาทของผู้สอนในการถ่ายทอดสาระวิชาอาจกล่าวได้ว่าความเชื่อที่แฝงอยู่ในการจัดหลักสูตรประเภทนี้ คือ หากการสอนมีประสิทธิภาพผู้เรียนจะสามารถเรียนรู้ได้
                                2.2 หลักสูตรที่เน้นผู้เรียน (child - centered curriculum) หลักสูตรประเภทนี้เน้นบทบาทของผู้เรียนในการเรียน อาจกล่าวได้ว่าความเชื่อที่แฝงอยู่ในการจัดหลักสูตรประเภทนี้คือผู้เรียนจะเรียนรู้ได้ดีเมื่อเรียนอย่างมีส่วนร่วม ลงมือทำเอง เข้าหลัก Learning by doing
                หากเปรียบเทียบการจัดประเภทของหลักสูตรตามแนวนี้กับแนวที่ 1 อาจกล่าวได้ว่าหลักสูตรที่เน้นสาระวิชา น่าจะมีการเรียบเรียงเนื้อหาสาระเป็นรายวิชา ในขณะที่หลักสูตรที่เน้นผู้เรียนน่าจะจัดหมวดประสบการณ์ในลักษณะบูรณาการหรือสหวิทยาการ (interdisciplinary curriculum)
                3. กลุ่มที่จำแนกตามเกณฑ์ประสบการณ์ที่ยึด  กลุ่มนี้แยกหลักสูตรออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
                                3.1 หลักสูตรเน้นกระบวนการทางสังคมและการดำเนินชีวิต (curriculum base on social process and life fumction) อาจกล่าวได้ว่าหลักสูตรประเภทนี้เป็นหลักสูตรบูรณาการสาระโดยยึดสถานการณ์ที่ผู้เรียนเผชิญอยู่ สถานการณ์ที่ว่านี้ ได้แก่  การดำรงชีวิตโดยส่วนตัว การดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อม โดยที่สิ่งแวดล้อมที่ว่านี้แยกเป็น ส่วนที่เป็นสังคม ส่วนที่ไม่ใช่สังคม
                                3.2 หลักสูตรที่เน้นกิจกรรมและประสบการณ์ (the activity and experience curriculum) หลักสูตรประเภทนี้เป็นหลักสูตรบูรณาการสาระ เช่นเดียวกับหลักสูตรเน้นกระบวนการทางสังคมและการดำรงชีวิตแต่เน้นให้ผู้เรียน ได้ทำกิจกรรมและมีประสบการณ์ด้วยตนเอง
                                3.3 หลักสูตรเอกัตภาพ (individualized curriculum, the personalized curriculum) หลักสูตรประเภทนี้ก็เป็นหลักสูตรบูรณาการสาระอีกประเภทหนึ่ง แต่เป็นหลักสูตรที่ให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นรายบุคคล ให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองอย่างเป็นอิสระจากคนอื่น หลักสูตรประเภทนี้ผู้สอนจะเป็นผู้จัดประสบการณ์แก่ผู้เรียนแต่เพียงลำพัง หรือร่วมกันจัดกับผู้เรียนก็ได้
                หากเปรียบเทียบการจัดประเภทของหลักสูตรตามแนวนี้กับสองแนวแรก อาจกล่าวได้ว่าการจำแนกตามสองแนวแรก มีลักษณะใกล้เคียงกันมากกว่า ในขณะที่การจำแยกตามเกณฑ์ที่สามนี้คล้ายกับเป็นการจำแนกหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนตามแนวที่สองออกไปอีก สุดแต่ว่ามองมิติใดของผู้เรียนเป็นหลัก
                สรุปว่าหลักสูตรมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับเกณฑ์ในการแบ่ง ซึ่งหลักสูตรประเภทต่าง ๆ มีลักษณะข้อดีและข้อจำกัดภายในตัวเอง ดังนั้นนักพัฒนาหลักสูตรต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ก่อนเลือกประเภทและพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสมกับบริบทและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อจะส่งผลให้หลักสูตรนั้นมีคุณค่า ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ต่อไป
กำลังสร้าง